- คำพิพากษาศาลปกครองนครศรีธรรมราชตัดสินถึงที่สุดไปแล้วเรื่องการหักเงินเดือนตามคดีหมายเลขแดงที่ 129/2561 จึงขอเอามาฝากเพื่อนสหกรณ์นำไปใช้อ้างอิงครับ “การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (นายกเทศมนตรี ข.)หักเงินเดือนของนาง อ. พยาบาลวิชาชีพสังกัดผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (สำนักงานเทศบาล ข.) ชำระหนี้ให้ธนาคารออมสินโดยไม่หักให้แก่ผู้ฟ้องคดี (สหกรณ์ออมทรัพย์ ก.) ก่อนหักชำระธนาคารออมสิน จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 42/1 วรรคหนึ่งและวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 อันถือได้ว่าเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฎิบัติ ………พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องทั้งสองหักเงินเดือน หรือค่าจ้าง หรืออื่นใดที่ถึงกำหนดจ่ายให้แก่นาง อ. เป็นงวดรายเดือนรวมเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยงวดละ…….ให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นอันดับแรก ถัดจากหนี้ภาษีอากรและการหักเงินเข้ากองทุนที่สมาชิกต้องถูกหักตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม ทั้งนี้ตั้งแต่งวดเดือนถัดจากที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”
2. คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 1442/2559
เมื่อนาย ก. ได้ให้ความยินยอมให้หักเงินบำเหน็จไว้เป็นหนังสือแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีจึงมีหน้าที่ ที่จะต้องหักเงินบำเหน็จเพื่อชำระหนี้แก่สหกรณ์ การที่เจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้หักเงินบำเหน็จเพื่อชำระหนี้ให้แก่สหกรณ์ จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตาม ข้อ 30 ของระเบียบกระทรวงการคลังฯ
การที่สหกรณ์เรียกผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้ค้าประกันชำระหนี้แทนนาย ก. โดยหักเงินเดือนเป็นรายเดือน จึงเป็นผลโดยตรงให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย เป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้หนี้เงินที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี ให้แก่สหกรณ์ และให้สหกรณ์คืนเงินแก่ผู้ค้าประกันตามส่วนที่ได้รับชำระหนี้ คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 1442/2559
เมื่อนาย ก. ได้ให้ความยินยอมให้หักเงินบำเหน็จไว้เป็นหนังสือแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีจึงมีหน้าที่ ที่จะต้องหักเงินบำเหน็จเพื่อชำระหนี้แก่สหกรณ์ การที่เจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้หักเงินบำเหน็จเพื่อชำระหนี้ให้แก่สหกรณ์ จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตาม ข้อ 30 ของระเบียบกระทรวงการคลังฯ
การที่สหกรณ์เรียกผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้ค้าประกันชำระหนี้แทนนาย ก. โดยหักเงินเดือนเป็นรายเดือน จึงเป็นผลโดยตรงให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย เป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้หนี้เงินที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี ให้แก่สหกรณ์ และให้สหกรณ์คืนเงินแก่ผู้ค้าประกันตามส่วนที่ได้รับชำระหนี้