คำวินิจฉัยเงินฌาปนกิจสงเคราะห์
1. กรณีอายัดหรือยึดตามคำพิพากษา
มาตรา 302 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น เงินหรือสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปนี้ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
ฯลฯ
(5) เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้รับอันเนื่องมาแต่ความตายของบุคคลอื่นเป็นจำนวนตามที่จำเป็นในการดำเนินการฌาปนกิจศพตามฐานะของผู้ตายที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควร
ฯลฯ
“เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ หมายถึง เงินสงเคราะห์หรือช่วยเหลือในการปลงศพซึ่งลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้รับมาจากบุคคลภายนอกเพื่อดำเนินการฌาปนกิจสงเคราะห์ของผู้ตาย ซึ่งผู้ตายเป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ และลูกหนี้เป็นผู้รับสิทธิรับเงินนั้น เงินดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีเพียงเท่านที่ศาลเห็นสมควรกำหนดเพื่อฌาปนกิจศพของผู้ตาย นอกนั้นเป็นเงินที่ยึดหรืออายัดได้”
(คำวินิจฉัยของนายปรีชา เฉลิมวณิชย์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนที่ 68 ก 22 สิงหาคม 2544)
2. กรณีถือว่าเป็นหนี้กองมรดกอย่างไร
หนี้อันเกิดจากค่าใช้จ่ายในการจัดการทำศพผู้ตายนั้น จำต้องชดใช้จากสินทรัพย์แห่งกองมรดก เนื่องด้วยเป็นการดำเนินการตามสมควรแก่ฐานะในสมาคมของผู้ตายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1650
ส่วนเงินฌาปนกิจศพของผู้ตายที่โจทก์ได้รับจากกองทุนหมู่บ้านนั้น ถือเป็นเงินจัดการทำศพผู้ตาย แม้จะเป็นเงินที่ได้มาตามสิทธิภายหลังที่ผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว หาใช่ทรัพย์สินที่ผู้ตายมีอยู่ในขณะที่ถึงแก่ความตายไม่เป็นสินทรัพย์แห่งกองมรดกก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาระเบียบประกอบรายการโอนเงินที่ระบุว่าเป็นเงินฌาปนกิจศพสงเคราะห์บ้าง สงเคราะห์ศพบ้าง ส่งเงินศพบ้าง แสดงว่าหมู่บ้านต่าง ๆ มีเจตนามอบเงินดังกล่าวเป็นเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือจัดการงานศพสมาชิกตามประเพณีเพื่อลดภาระหนี้สินค่าใช้จ่ายจัดการศพอันเป็นการสงเคราะห์ศพ จึงต้องนำเงินดังกล่าวไปหักกับค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้จ่ายไปในการจัดการศพผู้ตายก่อนตามเจตนาที่กองทุนหมู่บ้านมอบให้ หากมีค่าใช้จ่ายเหลือเท่าใดจึงเป็นหนี้กองมรดก
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5043/2566) ✍️